วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2559

รีรีข้าวสาร





         เป็นการละเล่นพื้นบ้านของเด็กไทยในสมัยก่อน ซึ่งในปัจจุบันนี้อาจจะไม่ค่อยได้พบเห็นกันบ่อยหนัก เนื่องจากวัฒนธรรมในชาติต่างๆ ได้เข้ามาแผ่หลายในประเทศไทยเรา จึงทำให้การละเล่นพื้นบ้านแบบไทยๆได้หายสาบสูญไปในยุคสมัยนี้

กติกาการเล่น

จับไม้สั้นไม้ยาว ว่าใครจะเป็นประตู ให้ผู้เล่น 2 คน ยืนเอามือประสานกันเหนือศีรษะเป็นประตูโค้ง คนอื่นๆ เกาะไหล่กันลอดใต้โค้งไปเรื่อยๆ สองคนที่เป็นประตูจะร้องเพลงประกอบเวลา แถวลอดใต้โค้ง หัวแถวจะต้องเดินอ้อมหลังคนที่เป็นประตูครั้งละหน เมื่อจบเพลงสอง คนที่เป็นประตูจะกระดุกแขนลงกั้นคนสุดท้ายให้อยู่ระหว่างกลาง คัดออกไป คนข้างหลังต้องระวังตัวให้ดี ไม่เช่นนั้นตัวเองจะต้องออกจากการเล่น ต้องผ่านให้ได้หมดทุกคนจึงจะจบ

เนื้อเพลง

รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก เลือกท้องใบลาน เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน คดข้าวใส่จาน พานเอาคนข้างหลังไว้ให้ดี
เมื่อถึงคำสุดท้าย ซุ้มประตูก็จะลดมือลง กักตัวผู้เล่นที่เดินผ่านมา ผู้เล่นที่ถูกกักตัวจะถูกคัดออก หรืออาจจะถูกลงโทษด้วยการให้รำหรือทำท่าทางอะไรก็ได้
ประโยชน์และคุณค่าจากการเล่นรีรีข้าวสาร
การละเล่นชนิดนี้ เป็นการเล่นของเด็กอายุระหว่าง 4 – 6 ปี เล่นรวมกันทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย

ประโยชน์

- เพลิดเพลิน จิตใจร่าเริง แจ่มใส ซึ่งจะทำให้เด็กๆยอมรับในกฎเกณฑ์กติกาในการเล่น
- ได้ออกกำลังกายพัฒนากล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายให้แข็งแรง
- หัดให้เด็กมีไหวพริบ ปฏิภาณ และรู้จักใช้กลยุทธที่จะให้ตนรอดจากการถูกคล้องตัวไว้
- หัดให้เด็กรู้จักทำงานเป็นกลุ่มโดยหัวแถวต้องพยายามพาแถว โดยเฉพาะคนสุดท้ายให้รอดพ้นจากการถูกกักตัวให้ได้
      
ถ้าอยากรู้ครั้งหน้า  กระผมจะเอาอะไรมาอย่าลืมมาติดตามอ่านนะครับ


มอญซ่อนผ้า



      การเล่นมอญซ่อนผ้าเกิดขึ้นในสมัยอยุธยาและเป็นที่นิยมเล่นกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มอญซ่อนผ้าเป็นการละเล่นที่ไม่มีกฎกติกามากนักและไม่จำกัดจำนวนของผู้เล่น แต่มักนิยมเล่นกันเป็นกลุ่ม จึงเป็นการละเล่นที่เป็นที่นิยมกันอย่างมากในหมู่เพื่อนๆหรือญาติพี่น้อง

การเล่นมอญซ่อนผ้า

อุปกรณ์ที่คุณต้องเตรียม คือผ้าเช็ดหน้า หรือผ้าขาวม้าหนึ่งผืน
ผู้เล่นอย่างต่ำ 6 – 8 คน
อาสาสมัครหนึ่งคนเพื่อเป็นผู้ซ่อนผ้าหรือมอญซ่อนผ้า
วิธีการเล่นมอญซ่อนผ้า
ผู้เล่นที่ไม่ใช่ผู้ซ่อนผ้านั่งล้อมกันเป็นวงกลมและเว้นระยะห่างพอสมควร
ผู้เล่นที่นั่งอยู่ในวงต้องนั่งอยู่เฉยๆโดยเอามือมาวางไว้บนตักและไม่สามารถหันไปมามองข้างหลังหรือมองผู้ที่ถือผ้าอยู่ ที่สำคัญไม่สามารถบอกผู้ที่ถูกซ่อนผ้าว่ามีผ้าซ่อนไว้อยู่ข้างหลัง
ผู้ที่ถือผ้านั้นจะต้องเดินไปรอบๆวง และผู้ที่นั่งจะต้องร้องเพลงมอญซ่อนผ้าที่มีเนื้อร้องว่า “มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ไว้นู่นไว้นี่ ฉันจะตีก้นเธอ”
จากนั้นผู้ซ่อนผ้าจะต้องแอบซ่อนผ้าไว้ข้างหลังผู้เล่นที่นั่งอยู่คนใดคนหนึ่ง และให้เดินวนรอบวงอีกหนึ่งรอบ เพื่อแสร้งทำเป็นเหมือนไม่เกิดอะไรเกิดขึ้น
ผู้ที่ถูกซ่อนผ้าจะต้องลุกขึ้นมาวิ่งไล่ตีผู้ซ่อนผ้าโดยการวิ่งไล่รอบๆวงให้ทันเวลา ส่วนผู้ซ่อนผ้าจะต้องวิ่งมานั่งร่วมวงในที่ที่มีที่ว่าง
หากผู้ที่ถูกซ่อนผ้าไม่สามารถไล่ผู้ซ่อนผ้าทัน ผู้นั้นจะต้องกลายผู้ซ่อนผ้าเอง

กติกาการเล่นมอญซ่อนผ้า

1.ผู้ที่ถือผ้าจะต้องเดินหรือวิ่งรอบๆวงไปในทิศทางเดียวกัน
2.ผู้ที่นั่งอยู่ไม่สามารถลุกไปไหนได้และไม่สามารถมองผู้ที่ถือผ้าได้
3.ผู้ที่นั่งห้ามหมองเหลียวหลัง อนุญาติให้ใช้มือคลำหาผ้าเท่านั้น
4.ผู้ซ่อนผ้าจะต้องวางผ้าไว้ข้างหลังในระยะที่ใกล้ผู้นั่งพอสมควร

 ประโยชน์ของการเล่นเกมส์พื้นบ้าน มอญซ่อนผ้า

1.ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่
2.สามารถฝึกทักษะความคล่องแคล่ว
3.เป็นการฝึกทักษะการสังเกตุ
4.เป็นการฝึกไหวพริบที่ดี

 ม้าก้านกล้วย





        การเล่นม้าก้านกล้วยทำให้เด็กสนุกสนาน เกิดจินตนาการ ได้ออกกำลังกาย โดยเด็กจะใช้ก้านกล้วยมาทำเป็นหัว หู และหางม้า แล้วสมมติตัวเองว่าเป็นคนขี่ม้าพาวิ่ง ม้าก้านกล้วยเป็นการเล่นพื้นบ้านของเด็กที่ดีอีกชนิดหนึ่ง ที่ถือเป็นวัฒนธรรมของท้องถิ่น ให้เด็กๆ ได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน
วัสดุอุปกรณ์
- ก้านกล้วย , มีด , ไม้กลัด , เชือก หรือเชือกฟางก็ได้แล้วแต่เราสะดวกในการหา


   วิธีทำม้าก้านกล้วย

- ตัวม้า ตัดก้านกล้วยขนาดใหญ่มาหนึ่งก้าน ให้มีความยาวประมาณ1 เมตรขึ้นไป ใช้มีดคมเลาะใบกล้วยถึงปลาย เอาส่วนกลางก้านกล้วยมาทำเป็นลำตัว
- หางม้า ปลายก้านกล้วยให้เหลือส่วนที่เป็นใบตองไว้เล็กน้อย เพื่อสมุมติให้เป็นหางม้า
- หัวม้า ก้านกล้วยตรงโคนที่มีขนาดใหญ่ ให้ใช้มีดปาดทั้งสองด้าน ความยาวประมาณ 
10 ซ.
- คอม้า หักคอให้เป็นคอม้า มีหูสองข้างตั้งชันแล้วใช้ไม้กลัด แทงตรงก้านหัวให้แน่นเพื่อเป็นหัวม้า
- บังเหียนตัดเชือก ให้มีความยาวพอประมาณ ผูกตรงหัวและตรงท้ายสำหรับสะพายหรือไว้คล้องไหล่ผู้เล่น

วิธีการเล่น

ให้นำก้านกล้วยที่เปลี่ยนสภาพมาเป็นก้านกล้วยโดยสมบูรณ์แล้ว ขึ้นขี่บนก้านกล้วยแล้ว
ออกวิ่ง จากนั้นส่งเสียงร้อง ฮี้ฮี้ แต่ถ้ามีผู้เล่น2คนขึ้นไป ก็สามารถจัดเป็นการแข่งขันขึ้นได้ โดยฝ่ายไหนวิ่งเร็วที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะ

ประโยชน์และคุณค่าการเล่นม้าก้านกล้วย

- การทำท่าเหมือนม้า ทำให้เด็กมีจินตนาการ และ กล้าแสดงออก
- เป็นการออกกำลังกายอย่างดีสำหรับเด็กในวัยนั้น
- รักษาประเพณีพื้นบ้านของไทย
      
       ในปัจจุบันนี้ การขี่ม้าก้านกล้วยเริ่มเลือนหายไปจากสังคมปัจจุบันแล้ว เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางสังคมและยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อน จึงทำให้การละเล่นเด็กไทยต่างๆ ลดลงไปมาก  คุณจะยอมให้มันหายไปจริงๆๆหรอครับ